คำสอนที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
1 พวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์บางคนที่มาจากบัยตุลมักดิสมาห้อมล้อมท่าน 2 พวกเขาเห็นสาวกบางคนของท่านรับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน คือไม่ได้ล้างมือ 3 (เพราะว่าพวกฟาริสีกับพวกยาฮูดีทุกคนถือตามคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษว่า ถ้าไม่ได้ล้างมือตามพิธีโดยเคร่งครัดแล้ว จะไม่รับประทานอาหารเลย 4 และเมื่อพวกเขามาจากตลาด ถ้าไม่ได้ทำการชำระล้างก่อน พวกเขาก็ไม่รับประทานอาหาร และยังมีธรรมเนียมอื่นๆ อีกหลายอย่างที่พวกเขายึดถือ คือการล้างถ้วย เหยือก และภาชนะทองสัมฤทธิ์) 5 พวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์จึงถามท่านว่า “ทำไมพวกสาวกของท่านไม่ประพฤติตามคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่กลับรับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน?” 6 ท่านตอบพวกเขาว่า “นบียะฮฺซยาพยากรณ์ถึงพวกเจ้าคนหน้าซื่อใจคด ก็ถูกต้องแล้วตามที่เขียนไว้ว่า
‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก
ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
7 พวกเขาก้มกราบเราโดยเปล่าประโยชน์
เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน’
8 พวกเจ้าละทิ้งบัญญัติของอัลลอฮฺ และกลับไปยึดถือถ้อยคำของมนุษย์ที่สอนต่อๆ กันมา”
9 ท่านกล่าวกับพวกเขาว่า “วิเศษจริงนะ ที่พวกเจ้าได้ละทิ้งบัญญัติของอัลลอฮฺ เพื่อจะได้ยึดถือคำสอนที่รับมาจากบรรพบุรุษ 10 เพราะนบีมูซาสั่งไว้ว่า ‘จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’ และ ‘ใครประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย’ 11 แต่พวกเจ้ากลับสอนว่า ‘ใครที่กล่าวกับบิดามารดาว่า “ของสิ่งใดของข้าพเจ้าที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน สิ่งนั้นเป็นโกระบาน” ’ (แปลว่าเป็นของมอบแด่อัลลอฮฺแล้ว) 12 พวกเจ้าจึงไม่อนุญาตให้คนนั้นเลี้ยงดูบิดามารดาของตนอีกต่อไป 13 พวกเจ้าจึงทำให้พระดำรัสของอัลลอฮฺเป็นโมฆะด้วยคำสอนจากบรรพบุรุษที่พวกเจ้ารับและสอนต่อๆ กันมา และพวกเจ้าก็ทำสิ่งคล้ายๆ กันนี้อีกหลายสิ่ง”
14 แล้วท่านเรียกฝูงชนมาอีก กล่าวกับพวกเขาว่า “พวกท่านทุกคนจงฟังเราและเข้าใจเถิด 15 ไม่มีสิ่งใดภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์แล้วจะทำให้มนุษย์เป็นมลทินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในมนุษย์นั่นแหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” 17 เมื่อท่านออกจากฝูงชนเข้าไปในบ้านแล้ว พวกสาวกก็ถามท่านถึงคำเปรียบเทียบนั้น 18 ท่านจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “แม้แต่ท่านก็ยังไม่เข้าใจหรือ? พวกท่านไม่เห็นหรือว่าไม่มีสิ่งใดจากภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์แล้วจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน 19 เพราะว่าสิ่งนั้นไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้องแล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป” (เป็นการประกาศว่าอาหารทุกอย่างสะอาด) 20 ท่านกล่าวว่า “สิ่งที่ออกมาจากภายในมนุษย์นั่นแหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน 21 เพราะว่าจากภายในมนุษย์หรือจากใจของมนุษย์นั่นแหละที่ความคิดชั่วร้ายเกิดขึ้นมา คือการผิดศีลธรรมทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน 22 การล่วงประเวณี การโลภ การอธรรม การฉ้อฉล ราคะตัณหา การอิจฉา การใส่ร้าย ความเย่อหยิ่ง ความเขลา 23 สารพัดความชั่วเหล่านี้มาจากภายในและทำให้มนุษย์เป็นมลทิน”
ความศรัทธาของหญิงซีเรียฟีนิเซีย
24 ท่านจึงออกจากที่นั่นไปยังเขตแดนเมืองไทระและเมืองไซดอน แล้วเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งประสงค์จะไม่ให้ใครรู้ แต่ท่านไม่อาจหลบพ้นได้ 25 เพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลูกสาวเล็กๆ ถูกชัยฏอนเข้าสิง ทันทีที่ได้ยินข่าวของท่านก็มาหาและกราบลงที่เท้า 26 หญิงผู้นี้มีเชื้อชาติซีเรียฟีนิเซีย เป็นคนต่างศาสนา นางอ้อนวอนขอให้ท่านขับชัยฏอนออกจากลูกสาวของนาง 27 อีซากล่าวกับนางว่า “ให้ลูกๆ กินกันอิ่มเสียก่อน เพราะว่าไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูกๆ โยนให้กับพวกสุนัข” 28 แต่นางตอบว่า “จริงเจ้าค่ะ แต่สุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นย่อมกินอาหารเหลือเดนของลูกๆ” 29 แล้วท่านกล่าวกับนางว่า “เพราะถ้อยคำนี้เธอจงกลับไปเถิด ชัยฏอนออกจากตัวลูกสาวของเธอแล้ว” 30 หญิงผู้นั้นเมื่อกลับไปยังบ้านของตน ก็พบว่าลูกนอนอยู่บนที่นอนและชัยฏอนออกจากตัวแล้ว
อีซารักษาคนหูหนวก
31 ต่อมาท่านออกจากเขตแดนเมืองไทระ และผ่านเมืองไซดอนไปยังทะเลสาบกาลิลี ไปตามเขตแดนแคว้นทศบุรี 32 พวกเขาพาชายหูหนวกพูดติดอ่างคนหนึ่งมาหาท่าน และขอให้ท่านวางมือบนคนนั้น 33 ท่านจึงพาคนนั้นออกห่างจากฝูงชนไปอยู่ตามลำพัง แล้วเอานิ้วมือแยงเข้าที่หูทั้งสองของชายคนนั้น และบ้วนน้ำลาย เอานิ้วมือจิ้มแตะลิ้นของคนนั้น 34 แล้วท่านแหงนหน้าดูชั้นฟ้า ถอนใจและกล่าวกับคนนั้นว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า จงเปิดออก 35 แล้วหูของคนนั้นก็ปกติ สิ่งที่ขัดลิ้นนั้นก็หลุดและเขาพูดได้ชัด 36 ท่านห้ามปรามคนทั้งหลายไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่ท่านยิ่งห้ามปราม พวกเขาก็ยิ่งเล่าลือออกไป 37 คนทั้งหลายก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง พูดกันว่า “ท่านผู้นี้ทำทุกอย่างล้วนดีทั้งนั้น ท่านทำได้แม้กระทั่งให้คนหูหนวกได้ยิน และคนใบ้พูดได้”